บัตร IC ของญี่ปุ่น และ บัตร IC เกาหลีมีความคล้ายคลึงกันในแง่ของการใช้งาน แต่ก็มีความแตกต่างในบางด้านที่น่าสนใจครับ ไปดูกันจะได้ไม่เดาเป็นหวยไวครับ
บัตร IC ของญี่ปุ่น กับ บัตร IC เกาหลีต่างกันยังไงบ้าง?
1.ลักษณะการใช้งานหลัก
- ญี่ปุ่น: บัตร IC ของญี่ปุ่น ได้แก่ Suica, Pasmo, ICOCA, PiTaPa และอื่นๆ ซึ่งใช้สำหรับการเดินทางโดยรถไฟ, รถบัส และยังสามารถใช้ซื้อของในร้านค้าและอุปกรณ์ต่างๆ ได้เช่นกัน
- เกาหลี: บัตร IC ของเกาหลี ได้แก่ T-money และ Cashbee ซึ่งใช้ในการเดินทางบนระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟใต้ดิน, รถบัส และสามารถใช้ซื้อสินค้าในร้านค้าต่างๆ ได้เช่นเดียวกัน
2.ประเภทของบัตร IC
ญี่ปุ่น: มีหลายประเภท เช่น
- Suica: ใช้ในโตเกียวและพื้นที่ใกล้เคียง, สามารถใช้ทั้งในระบบขนส่งสาธารณะและร้านค้าต่างๆ
- Pasmo: ใช้ในโตเกียว เช่นเดียวกับ Suica
- ICOCA: ใช้ในพื้นที่โอซาก้าและแถบคันไซ
- PiTaPa: ใช้ในคันไซ
เกาหลี: มีบัตรหลักๆ เช่น
- T-money: ใช้ในกรุงโซลและพื้นที่ใกล้เคียง
- Cashbee: ใช้ในบางพื้นที่ของเกาหลี
- M-Pass: ใช้สำหรับการเดินทางในกรุงโซลและซื้อสินค้า
3.วิธีการเติมเงิน
- ญี่ปุ่น: ผู้ใช้สามารถเติมเงินเข้าไปในบัตร IC ได้ที่เครื่องเติมเงินในสถานีรถไฟ, ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ, และร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-Eleven
- เกาหลี: สามารถเติมเงินบัตร T-money และ Cashbee ได้ที่เครื่องเติมเงินในสถานีรถไฟใต้ดิน, ร้านสะดวกซื้อ เช่น GS25 หรือ CU
4.การใช้งานนอกขนส่ง
- ญี่ปุ่น: บัตร IC ในญี่ปุ่นสามารถใช้จ่ายในการซื้อสินค้าจากร้านค้าสะดวกซื้อ (7-Eleven, Family Mart, Lawson) หรือร้านค้าต่างๆ ที่รองรับการจ่ายด้วยบัตร IC
- เกาหลี: บัตร T-money และ Cashbee ก็สามารถใช้ซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อและร้านค้าทั่วไปที่รองรับ
5.การใช้งานข้ามเมืองหรือข้ามประเทศ
- ญี่ปุ่น: บัตร IC ของญี่ปุ่นบางใบสามารถใช้งานข้ามเมืองหรือในหลายเมืองได้ เช่น Suica สามารถใช้ได้ทั่วประเทศในระบบ JR (Japan Railways) และบางพื้นที่ในเมืองอื่นๆ ที่รองรับ
- เกาหลี: บัตร T-money ส่วนใหญ่ใช้ได้ในพื้นที่กรุงโซลและบริเวณใกล้เคียง แต่บางครั้งสามารถใช้งานในเมืองอื่นๆ ได้ด้วย หากมีการเชื่อมโยงกับระบบขนส่งในแต่ละพื้นที่
6.การซื้อบัตรและการคืนบัตร
- ญี่ปุ่น: บัตร IC ของญี่ปุ่นสามารถซื้อได้ที่สถานีรถไฟ หรือผ่านเครื่องจำหน่ายบัตรอัตโนมัติ และสามารถคืนบัตรได้ในบางสถานีเพื่อรับเงินคืน (โดยจะหักค่าธรรมเนียมบางส่วน)
- เกาหลี: บัตร T-money และ Cashbee สามารถซื้อได้ที่สถานีรถไฟใต้ดินหรือร้านสะดวกซื้อและสามารถคืนบัตรได้เช่นกันเพื่อรับเงินคืน (เช่นเดียวกับในญี่ปุ่น)
7.ความสามารถในการใช้งาน
- ญี่ปุ่น: บัตร IC ของญี่ปุ่นมีหลายประเภทที่รองรับการเดินทางในระบบขนส่งท้องถิ่นและข้ามเมือง โดยมีการเชื่อมโยงกันในหลายๆ ระบบขนส่ง เช่น JR, Tokyo Metro, Keisei ฯลฯ
- เกาหลี: บัตร T-money และ Cashbee ใช้งานได้ทั้งในระบบขนส่งสาธารณะ (เช่น รถไฟใต้ดิน, รถบัส) และยังรองรับการใช้งานในร้านค้าทั่วไปในกรุงโซล
สรุป: ความคล้ายคลึงและความแตกต่าง
- คล้ายคลึง: ทั้งสองประเภทใช้เทคโนโลยีแบบไร้สัมผัส (Contactless) สำหรับการเดินทางในระบบขนส่งและการซื้อของในร้านสะดวกซื้อหรือร้านค้าทั่วไป
แตกต่าง
- ประเทศที่ใช้: ญี่ปุ่นมีหลายประเภทของบัตรที่ใช้ในเมืองต่างๆ เช่น Suica, Pasmo ในโตเกียว และ ICOCA ในคันไซ ขณะที่เกาหลีมีบัตร T-money และ Cashbee ใช้ทั่วกรุงโซล
- การใช้ข้ามเมือง: บัตรของญี่ปุ่นมีการใช้งานในหลายๆ เมืองหรือพื้นที่ได้สะดวกกว่าบัตรเกาหลีที่ส่วนใหญ่จะจำกัดการใช้ในพื้นที่กรุงโซลหรือบางพื้นที่
โดยรวมแล้ว บัตร IC ของทั้งสองประเทศมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่คล้ายกัน แต่ในเรื่องของความหลากหลายและการใช้งานข้ามเมือง ญี่ปุ่นมีระบบที่กว้างกว่าและรองรับการใช้งานในหลายๆ พื้นที่มากกว่าเกาหลีครับ
No responses yet